โรคที่เกิดจากผ้ารัดเข่าและรัดหลัง (knee support and back support)

ในเมืองไทยมีสินค้าทางด้านสุขภาพ วางขายให้เลือกซื้อกันอย่างเสรีมากมายครับ ในบางครั้งก็อาจจะเป็นการดีในเเง่ของความสะดวกรวดเร็วในการดูเเลรักษา ตัวเองเป็นเบื้องต้นครับเเต่ในทางตรงกันข้ามบางครั้งความถูกต้องในความเข้าใจของวิธีการใช้สินค้าสุขภาพเหล่านั้นก็ผิดเพี้ยนไป จนส่งผลย้อนกลับ ทางให้สุขภาพของคนที่ใช้สินค้านั้นๆ เเย่ลงอย่างไม่รู้ตัว

          ผ้ารัดหัวเข่า หรือเสื้อรัดประคองหลัง เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งครับ ที่เราอาจจะเคยเห็น คนรอบตัวเราใช้กันอยู่สม่ำเสมอ เเต่เพราะการใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี จึงทำให้มีคนจำนวนมากมายเกิดเป็นโรคเเทรกซ้อนบางอย่าง เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกระดูกสันหลังเสื่อม เข่าเสื่อม ง่ายกว่าคนปกติที่ไม่ได้ใส่ผ้ารัดเหล่านี้ครับ

          นักกีฬามืออาชีพทั้งหลาย เวลาจะลงเล่นกีฬาที่ต้องมีการปะทะกันนั้น เขาจะต้องสวมเครื่องป้องกันร่างกายไม่ว่าจะเป็น เสื้อเกราะสำหรับนักกีฬาอมริกันฟุตบอลใส่กันเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก หรือนักฟุตบอลที่ต้องใส่ผ้ารัดหัวเข่าที่พันไว้รอบรอบหัวเข่า ป้องกันเข่าบิดงอลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเข็บของกระดูกเเละการฉีกขาดของเอ็นทั้งหลายที่อยู่รอบเข่า

          เเต่คนทั่วไปที่ไม่ค่อยชอบเล่นกีฬานั้น กล้ามเนื้อหลังจะมีความอ่อนเเอ เป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว เวลาที่มีปัญหา ปวดหลังเเละแก้ปัญหา อย่างง่ายๆ เเต่ผิดวิธีครับ โดยการไปหา เสื้อเการะรัดหลังมาสวมใส่ ด้วยหวังว่า ผ้ารัดหลังนั้น จะไปช่วยทำให้ กล้ามเนื้อหลังทำงานน้อยลง เเละหายปวดหลังได้ หรือคนที่เป็นข้อเข่าเสื่อม ในระยะเเรก นั้นจะมีภาวะที่กล้ามเนื้อต้นขาอ่อนเเอลง เวลาเดินมาทั้งวันก็จะมีอาการเมื่อยล้าปวดเข่าเวลากลางคืน หลายคนที่ไม่ทราบความจริงจึงไปซื้อผ้ารัดหัวเข่ามาสวมใส่กันเอง เพราะคิดว่า จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวเข่าทำงานน้อยลง เเล้ว อาการปวดเข่าจะลดลง ตามไปด้วย

          เมื่อใส่ใหม่ๆอาการปวดหลัง หรือปวดเข่าอาจจะลดลงครับ ในบางคนจึงเกิดอาการติดใจ ใส่บ่อยขึ้น เเละนานขึ้นตรงนี้เเหละครับที่จะเกิดปัญหาใหญ่หลวงตามมา เเละเเก้ไขยากมาก นั้นก็คือจะทำให้กล้ามเนื้อในส่วนที่สวมใส่เกิดภาวะอ่อนเเออย่างมาก จนคาดไม่ถึง

          ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นครับ เหตุผลก็คือ เมื่อท่านใส่ผ้ารัดเข่า หรือผ้ารัดหลังนานๆ นั้น จะทำให้มีการเคลื่อนไหว ของกล้ามเนื้อส่วนนั้น น้อยลงไปอย่างมาก ในกรณีที่เราใส่เป็นเพียง ชั่วคราว อาจจะไม่เห็นผลเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนักเเต่ถ้าบางคนใส่อย่างเป็นประจำทุกวัน ใส่วันละหลายชั่วโมงกล้ามเนื้อในส่วนที่อยู่ใต้ผ้ารัดของหัวเข่า หรือรัดหลังเมื่อไม่ค่อยได้ทำงาน ในการออกเเรงเล็กๆ น้อย อย่างงานในชีวิตประจำวันก็จะมีลักษณะลีบ เเละหดตัวเล็กลง ความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อก็จะหมดไปคนกลุ่มนี้ เวลา ขาดผ้ารัดหลัง หรือรัดเข่า ก็จะเดินไม่ได้ เข่าโย้ หรือปวดหลังอย่างมาก

          เราคงเคยได้ยินเเต่ว่า คนติดเหล้า ติดยาบ้า เเต่คนกลุ่มนี้ เราจะเรียกว่าเป็นโรคติดผ้ารัดหลัง เเละเข่าก็ไม่ผิดครับ เพราะถ้าวันไหนออกจากบ้าน เเละลืมผ้ารัดหลัง รัดเข่าไปด้วย ก็จะเกิดความไม่มั่นใจไม่สามารถเดินทางไปได้ต่อต้องย้อนกลับมาบ้านเพื่อมาเอาผ้ารัดหลังรัดเข่ามาใส่เหมือนเดิม

การใส่ผ้ารัดหลัง หรือรัดเข่านานๆ ทำให้คนที่ความหวังว่า จะฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเก่า เพื่อที่จะรักษา โรคข้อเข่าเสื่อมหรือกระดูกสันหลังเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัด จะไม่มีทางที่จะฟื้นฟูได้เลยครับหรือถ้าได้ก็ต้องใช้เวลานานมากมายกว่าเดิม หลายเท่า

          การใช้ผ้ารัดหลัง หรือรัดเข่าที่ถูกต้อง จึงต้องใช้เป็นเพียง ชั่วคราวเท่านั้น เเละส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการป้องกันการบาดเจ็บมากกว่าการรักษา เช่น การใส่ผ้ารัดเข่าเวลาลงเล่นฟุตบอลเพื่อป้องกันการฉีกขาดของเอ็นรอบหัวเข่า

          เมื่อมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ เราก็อาจจะใส่เพื่อลดการเคลื่อนไหว ของอวัยวะส่วนนั้นเมื่อกล้ามเนื้อสว่นนั้น กลับมาสู่ภาวะปกติ การอักเสบลดน้อยลงเราจะต้องรีบถอดผ้ารัดหลัง หรือรัดเข่าออก เเละออกกำลังกายฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้กลับมาเหมือนเก่าครับ

          ถ้าทำเช่นนี้ได้ ใช้อย่างถูกวิธี โอกาสที่กล้ามเนื้อหลังหรือเข่าของเราก็จะอ่อนแอโดยไม่ตั้งใจก็มีน้อยลงไม่ต้องเสริมความเเข็งเเรงโดยผ่าตัดใช้โลหะดามกระดูก ให้หลัง หรือเข่าในตอนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมในระยะสุดท้ายครับ

นพ. สมศักดิ์ เหล่าวัฒนา
ศัลยแพทย์โรคกระดูก19 บทความ
ผู้ประพันธ์

Scroll to Top